• หน้าแรก

  • News

  • HR Articles

  • Human Resource

  • เปลี่ยนออฟฟิศสู่ยุคดิจิตอล ปรับการบันทึกเวลาเข้า-ออกงานสู่ระบบลงเวลาออนไลน์

เปลี่ยนออฟฟิศสู่ยุคดิจิตอล ปรับการบันทึกเวลาเข้า-ออกงานสู่ระบบลงเวลาออนไลน์

  • หน้าแรก

  • News

  • HR Articles

  • Human Resource

  • เปลี่ยนออฟฟิศสู่ยุคดิจิตอล ปรับการบันทึกเวลาเข้า-ออกงานสู่ระบบลงเวลาออนไลน์

เปลี่ยนออฟฟิศสู่ยุคดิจิตอล ปรับการบันทึกเวลาเข้า-ออกงานสู่ระบบลงเวลาออนไลน์

ระบบบันทึกเวลาเข้า-ออกงานผ่านระบบออนไลน์ (Online Time Attendance Management) ก็คือระบบลงเวลาเข้าออกงานโดยผ่านอุปกรณ์ดิจิตอลต่างๆ ตั้งแต่ เครื่องสแกนลายนิ้วมือ (Finger Scanner), สมาร์ทโฟน (Smart Phone), แทบเล็ต (Tablet), ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถยืนยันตัวตนผู้ใช้งานได้อย่างชัดเจน ปลอดภัย และเชื่อมต่อสู่ระบบข้อมูลกลางอย่างระบบคลาวด์ (Cloud System) ได้ ซึ่งการยืนยันตัวตนในรูปแบบนี้สามารถเข้าระบบที่ไหนก็ได้ในโลก เป็นการบันทึกเวลาทำงานได้แบบ Real Time ที่เชื่อมต่อข้อมูลสู่ฐานข้อมูลกลางเดียวกัน แถมยังระบุตำแหน่งได้ชัดเจน สามารถเป็นหลักฐานประกอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการเก็บข้อมูลโดยระบบสแกนนิ้วแบบเดิมที่ไม่เชื่อมต่อสู่ระบบออนไลน์หรือระบบตอกบัตรได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถประมวลผลข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ แม่นยำ ชัดเจน และรวดเร็วอีกด้วย

ความแตกต่างระหว่างเครื่องตอกบัตรกับเครื่องสแกนลายนิ้วมือแบบใหม่

เครื่องสแกนลายนิ้วมือ เครื่องตอกบัตร
ลายนิ้วมือมีความเฉพาะบุคคล ป้องกันการสวมรอยหรือฝากให้คนอื่นบันทึกเวลาแทนได้ ฝากให้คนอื่นบันทึกเวลาแทนได้
เป็นเครื่องป้องกันความปลอดภัยไปในตัว ในการเปิดประตูเข้าออฟฟิศ ไม่สามารถรักษาความปลอดภัยได้
ข้อมูลที่บันทึกเป็นระบบดิจิตอล สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายดาย เข้าโปรแกรมคำนวณต่างๆ ได้ง่าย ข้อมูลที่บันทึกเป็นระบบเอกสาร ทำให้เสียเวลาเก็บข้อมูล และ เสียเวลาคำนวณข้อมูล
ข้อมูลคำนวณโดยคอมพิวเตอร์ แม่นยำ ถูกต้อง ข้อมูลคำนวณโดยมนุษย์ที่อาจเกิดความผิดพลาด (Human Error) ได้ง่าย
จัดเก็บข้อมูลง่าย ไม่ต้องใช้พื้นที่จัดเก็บ จัดเก็บข้อมูลยาก ต้องใช้พื้นที่จัดเก็บ และเปลืองทรัพยากร
แก้ไขข้อมูลได้ยาก ข้อมูลเสียหายยาก ข้อมูลมีความปลอดภัยสูง แก้ไขข้อมูลได้ง่าย ข้อมูลเสียหายง่าย ข้อมูลมีความปลอดภัยต่ำ
ไม่ต้องใช้ทรัพยากรอื่นๆ เพิ่มเติม เพราะใช้ลายนิ้วมือของแต่ละบุคคลเป็นเครื่องยืนยันตัวตน ต้องใช้ทรัพยากรอื่นๆ เพิ่มเติมตามจำนวนบุคคล เช่น กระดาษใน การบันทึกเวลา
ประหยัดงบประมาณในระยะยาว ใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในระยะยาว
ข้อมูลสามารถส่งตรงไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของฝ่ายบุคคลที่รับผิดชอบเรื่องนี้ได้โดยตรงเลย ไม่เสียเวลา ข้อมูลไม่ส่งตรงไปยังฝ่ายบุคคลที่รับผิดชอบเรื่องนี้ได้โดยตรง ต้องเดินมาเอายังแหล่งข้อมูลเอง ทำให้เสียเวลาอย่างมาก
ใช้เวลาในการประมวลผลข้อมูลรวดเร็ว ใช้เวลาในการประมวลผลข้อมูลยาวนาน
สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ ได้ง่าย เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ง่าย รวมถึงระบบคลาวด์ (Cloud System) ที่กำลังเป็นเทรนด์นิยมที่กำลังมาสำหรับระบบการบันทึกเวลาทำงานของพนักงาน ไม่สามารถเชื่อมต่อสู่ระบบดิจิตอล, ระบบอินเตอร์เน็ต, หรือระบบ คลาวด์ (Cloud System) ได้

ประโยชน์ของการลงเวลาออนไลน์และแอปพลิเคชั่นบริหารจัดการบุคคล

การนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้กับการทำงานขององค์กรให้เหมาะสมนั้นจะช่วยให้แต่ละฝ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งประโยชน์ของการลงเวลาออนไลน์ผ่านระบบลงเวลาออนไลน์ แอปพลิเคชั่นบริหารจัดการบุคคล (Attendance Management Application) นั้นมีมากมายเช่นกัน
  • บริหารจัดการข้อมูลได้รวดเร็ว ว่องไว สะดวกสบาย

    การบันทึกเวลาการทำงานในรูปแบบเดิมอย่างเช่นการตอกบัตรนั้นทำให้เสียเวลามาก และต้องใช้เวลามากในการนำเอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ การบันทึกเวลาการทำงาน การลงเวลาออนไลน์ ในรูปแบบใหม่นี้จะทำให้บริหารจัดการข้อมูลเป็นไปแบบอัตโนมัติ โดยเฉพาะการคำนวนต่างๆ ตั้งแต่การคำนวนชั่วโมงการทำงาน, การคำนวนชั่วโมงที่ไม่ได้ทำงาน, การคำนวนอัตราเงินเดือนของพนักงานแต่ละคน, ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ นั้น ทำได้อย่างรวดเร็วผ่านโปรแกรม สามารถทราบข้อมูลได้แบบ Real Time และสามารถประมวลข้อมูลได้หลากหลายลักษณะตามต้องการอย่างทันท่วงที
  • ทุกอย่างรวมอยู่ในที่เดียว และ เบ็ดเสร็จในจุดเดียว (All in One & One Stop Service)

    การเข้าออกงานแบบบันทึกเวลาระบบดั้งเดิม อย่างการตอกบัตร หรือ สแกนนิ้วมือนั้นเป็นเพียงแค่การบันทึกเวลาเข้าออกเฉยๆ การขาด-ลา-มาสาย หรือการดำเนินการเรื่องชั่วโมงการทำงานอื่นๆ นั้นยังคงเป็นระบบใช้มนุษย์จัดการบันทึกอยู่เช่นเคย แต่สำหรับการบันทึกเวลาเข้าออกงาน การลงเวลาออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชั่นบริหารจัดการบุคคล (Attendance Management Application) นั้นสามารถทำทุกอย่างได้ในที่เดียวทั้งในส่วนของพนักงานเองและฝ่ายทรัพยากรบุคคล ทำผ่านระบบฐานข้อมูลกลางที่ผ่านระบบ Cloud ซึ่งเป็นข้อมูลหนึ่งเดียวกัน ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องมีข้อมูลหลายแหล่ง และเป็นบริการแบบ One Stop Service คือเข้ามาใน App เดียวแล้วจัดการได้ทุกเรื่อง ทุกอย่าง
  • สะดวกทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere & Anytime)

    พนักงานตลอดจนฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) เองสามารถเข้า App ได้ทุกที่ทุกเวลาในการบันทึกเวลาเข้างานตามจริง และเหมาะสม ทั้งข้อมูลยังถูกต้องชัดเจนด้วย สามารถเข็คอินได้ทุกแห่งทั่วโลก ทุกเวลา แม้เวลาต่าง Time Zone กัน ซึ่งบางครั้งต้องไปทำงานยังต่างประเทศ ก็สามารถบันทึกเวลาทำงานตามจริงได้ ไม่ต้องรบกวนฝ่าย HR
  • หลักฐานที่ชัดเจนแน่นอน มีข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ (Working Hours Evidence)

    การบันทึกเวลาเข้าออกงาน การลงเวลาออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชั่นบริหารจัดการบุคคล (Attendance Management Application) นั้นยังทำให้ข้อมูลชัดเจน แน่นอน ถูกต้อง ไม่ได้อ้างอิงจากคำบอกเล่าของพนักงาน ซึ่ง App จะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีระบบระบุตำแหน่งและเวลาได้ด้วย ทำให้มีหลักฐานแน่นอนจริงว่าอยู่ ณ สถานที่นั้น เวลานั้นจริงหรือเปล่า เป็นหลักฐานที่ดีกว่าการบอกปากเปล่า
  • พนักงานสามารถบริหารจัดการวันลาได้ด้วยตัวเอง

    พนักงานทุกคนจะมีโควต้าในการลางานประจำตัวอยู่แล้ว เมื่อใช้ App แล้วจะทำให้เรารู้โควต้าที่ใช้ไป ตลอดจนโควต้าที่เหลือ รวมถึงจัดการการลาต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องไปถามฝ่ายบุคคลซ้ำไปซ้ำมาถึงเรื่องโควต้าวันลา หรือสิทธิต่างๆ เพราะทุกอย่างจะคำนวนและปรากฎข้อมูลใน App ให้อัตโนมัติ ทำให้ง่ายต่อการบริหารวันลาของตนด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นหรือฝ่ายบุคคลจนเกินไป
  • ไม่สร้างความขัดแย้งให้กับบุคลากรในองค์กร

    ระบบการบันทึกเวลาแบบเดิมเป็นเพียงการบันทึกเวลาเฉยๆ เท่านั้น การขาด-ลา-มาสาย ยังคงมีการตามข้อมูลกัน หรือโทรสอบถามกัน ซึ่งบางเรื่องก็ไม่มีใครอยากรบกวน หรือยุ่งเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเอง ตลอดจนซักถามข้อมูลความเป็นจริงเพื่อบันทึกลงในเอกสาร ซึ่งการสื่อสารระหว่างกันด้วยอารมณ์ในบางครั้งอาจทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง และขัดแย้งกันได้ การใช้ระบบลงเวลาออนไลน์ บันทึกเวลานั้นอาจลดการปะทะหรือทะเลาะในส่วนนี้ไปได้เยอะ และไม่สร้างความบาดหมางหรือความแตกแยกให้กับบุคลากรในองค์กรได้ด้วย
  • ประหยัดทรัพยากร

    การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบันทึกเวลาเข้าออกงานผ่านแอปพลิเคชั่นบริหารจัดการบุคคล (Attendance Management Application) นั้นจะช่วยทำให้องค์กรประหยัดทรัพยกรไปได้หลายอย่าง อย่างเช่น กระดาษในการบันทึกเอกสารต่างๆ ซึ่งยุคนี้เป็นยุคที่ทุกคนพยายามช่วยกันลดการใช้ทรัพยากรให้น้อยลง เพื่อโลกที่ยั่งยืนด้วย นอกจากนี้ก็ยังไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องมือต่างๆ เพิ่มเติม อย่างเช่น เครื่องมือตอกบัตร หรืออื่นๆ ใช้เพียงแค่เทคโนโลยีที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรใดเดิ่ม
  • ประหยัดงบประมาณ

    การประหยัดทรัพยากรนั้นส่งผลต่อการประหยัดงบประมาณโดยตรง ไม่ต้องมีงบจัดซื้ออุปกรณ์ให้สิ้นเปลือง หรืองบในการบำรุงรักษาซ่อมแซม ใช้เพียงแค่งบในการซื้อเทคโนโลยีเท่านั้น กรณีนี้องค์กรใหญ่มักจะเห็นผลในการประหยัดงบประมาณได้ชัดเจนกว่า
  • ไม่จำเป็นต้องใช้บุคลากรเยอะ

    เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระการทำงาน ทำให้ลดอัตราจ้างพนักงานลงได้ เมื่อทุกคนร่วมกันใช้ App และระบบ Cloud ก็จะช่วยให้การทำงานสะดวกสบายขึ้น การจัดการง่ายขึ้น และไม่จำเป็นต้องใช้คนจัดการมาก ลดปริมาณคนในฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ได้ องค์กรสามารถบริหารงานและเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • สามารถอัพเดท (Update) เทคโนโลยีใหม่ได้เสมอ

    การอัพเดทเทคโนโลยีตลอดจนสิ่งที่เป็นประโยชน์สมัยใหม่กับซอฟท์แวร์ต่างๆ นั้นทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และประหยัดกว่าการอัพเดทฮาร์ทแวร์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีดิจิตอลที่มีการ Update ได้แบบ Real Time ไม่ยุ่งยากเสียเวลา ทำให้ระบบสามารถมีอะไรใหม่ๆ มาเป็นตัวช่วยที่ดีได้เสมอ ประหยัดกว่าการใช้ฮารด์แวร์หรือซอฟท์แวร์ระบบปิด
  • พักงานเกิดความสบายใจ สุขภาพจิตดี เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

    เมื่อพนักงานไม่ต้องมาหงุดหงิดกับเรื่องการตอกบัตรหรือบันทึกเวลาที่ออฟฟิศก็จะทำให้พนักงานรู้สึกเป็นอิสระมากขึ้น ไม่ต้องมากังวัลกับปัญหาที่ไม่เกี่ยวกับการทำงานในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ทำให้ชีวิตมีความสุข สุขภาพจิตดี ทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น
  • บริษัทยังคงสร้างวินัยให้กับการทำงานขององค์กรได้เช่นเดิม

    การบันทึกเวลาเข้าออกงานผ่านระบบลงเวลาออนไลน์ แอปพลิเคชั่นบริหารจัดการบุคคล (Attendance Management Application) ในระบบใหม่นี้ยังคงมีการบันทึกข้อมูลที่องค์กรจำเป็นต้องใช้เหมือนเดิม และยังคงสร้างวินัยให้กับพนักงานได้เช่นเดิม เพียงแต่ว่าจะเป็นวินัยในการบริการจัดการเวลาแบบยุคใหม่ที่ไม่จำเป็นจะต้องอยู่กับที่เสมอไป แต่ฝึกความรับผิดชอบในการทำงานและการใช้เวลาให้คุ้มค่าได้ดี มีวินัยในการบันทึกข้อมูล วินัยในการทำงานที่ชัดเจน และมีหลักฐานในการทำงานที่ชัดเจนขึ้นอีกด้วย เป็นข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือขึ้นได้ด้วย

ระบบลาออนไลน์ (Employee Self-Service) ฟังก์ชันครบ ใช้งานง่ายผ่านระบบออนไลน์

สามารถจัดการและบริหารข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างสะดวก รวดเร็ว รองรับการทำงานร่วมกับระบบ HRMI แบบ Real Time

ESS Pro ระบบลงเวลาออนไลน์ ระบบลาออนไลน์

ใช้งานผ่านมือถือ

สำหรับพนักงานที่ต้องทำงานนอกสถานที่ หรืออยู่ระหว่างการเดินทาง สามารถใช้งาน Time Stamp เพื่อ Check-In, Check-Out ลงเวลานอกสถานที่ผ่านเว็บไซต์บนมือถือได้

ยืนยันสถานที่ด้วยพิกัด GPS

พนักงานสามารถบันทึกเวลาเข้าออกงานได้ ในรัศมีของพิกัดที่ท่านได้กำหนดไว้เท่านั้น หากพนักงานอยู่นอกพิกัดที่ได้กำหนดไว้ จะไม่สามารถลงเวลาเข้าออกงานได้เลย

ใช้งานผ่านเว็บ

ผู้ใช้สามารถใช้ทุกฟังก์ชั่นการทำงานผ่านเว็บบราวเซอร์ ไม่มีความจำเป็นต้องติดตั้ง ซอฟต์แวร์ใดลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ใช้อุปกรณ์ใดๆ ก็ได้ ที่ต่ออินเตอร์เน็ตได้ รองรับเว็บบราวเซอร์ทุกชนิด

ส่งและอนุมัติคำร้อง

ผู้ใช้สามารถส่งคำร้องและอนุมัติคำร้อง ขอลาหยุด ขอทำงานล่วงเวลา ผ่านเว็บหรือ ผ่านเว็บไซต์ ผู้บังคับบัญชาจะได้รับอีเมล์ เมื่อได้รับคำร้องและสามารถเลือกอนุมัติ หรือปฏิเสธคำร้องได้โดยการคลิกปุ่ม ในอีเมล์ได้อย่างง่ายดาย

 3360
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การจัดการพนักงานที่ทำงานแบบกะเป็นงานที่ท้าทายสำหรับฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) เป็นอย่างมาก ด้วยลักษณะงานของพนักงานแบบกะ พนักงานบางราย ทำงานเวลาไม่ตรงกัน เลิกงานไม่ตรงกัน จะเห็นได้ว่า แค่ HR ต้องจัดการกับเงินเดือนพนักงานที่ทำงานกะปกติ ก็แทบปวดหัวกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว ไหนจะต้องอาศัยความแม่นยำและละเอียดอ่อนในการคำนวณเงินเดือน การคิดวันขาด ลา มา สายอีก ยิ่งถ้าเป็นองค์กรใหญ่ๆ นั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกันเลยทีเดียว ดังนั้น การที่มีตัวช่วยอย่างโปรแกรมเงินเดือน HRMI เข้ามาช่วย HR จัดการปัญหาต่างๆ ของพนักงานที่ทำงานแบบกะ จึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการบริหารจัดการเงินเดือนของพนักงาน  เพื่อลดความเสี่ยงคำนวณเงินเดือนผิดพลาด ซึ่งอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัทได้
หลายๆ องค์กรตั้งตัวชี้วัดความสำเร็จในเรื่องของการบริหารทรัพยากรบุคคลไว้ที่อัตราการลาออกของพนักงานในองค์กร โดยมีการกำหนดอัตรามาตรฐานไว้ที่อัตราเดียวกับอุตสาหกรรมบ้าง หรือกำหนดให้ดีกว่าปีที่ผ่านมาบ้าง แต่ผมยังไม่เคยเห็นองค์กรไหนที่กำหนดเป้าหมายอัตราการลาออกของพนักงานเท่า กับ 0 จริงๆ นะครับ
โปรแกรมบริหารงานบุคคล (Human Resource Management Information System หรือ HRMI) ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านเทคโนโลยีและการบริหารงานบุคคล รวมถึงรวบรวมระบบต่างๆ เข้าด้วยกัน ที่สามารถช่วยงาน HR ได้ เช่น ระบบสมัครงานออนไลน์ระบบลาออนไลน์ระบบฝึกอบรมพนักงาน,ระบบสวัสดิการ, ระบบประเมินผล เป็นต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการบุคคลและสร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในโลกของการทำงานที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยแต่ละบบมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกๆ องค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็ก หรือ ขนาดใหญ่ จะสามารถดำเนินกิจการได้อย่างราบรื่น ล้วนต้องต้องทำงานภายใต้ข้อกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายบริษัท กฎหมายแรงงาน กฎหมายประกันสังคม กฎหมายภาษีอากร กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และหนึ่งกฎหมายที่สำคัญที่สุดที่เกี่ยวข้องกับนายจ้าง HR และพนักงานโดยตรง คือ กฎหมายแรงงาน

จากกฎหมายแรงงานในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2562) ในมาตราที่ 23 กำหนดว่า ให้นายจ้างกำหนดเวลาทำงานปกติ (Regular Working Times) ต่อวัน ไม่เกิน 8 ชั่วโมง ไม่รวมเวลาพัก โดยให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างมีเวลาพักระหว่างการทำงานวันหนึ่งไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง หลังทำงานมาไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาไหนก็ได้ตามแต่ที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน หลายบริษัทจะนิยมกำหนดเวลาทำงานไว้ที่ 9 ชั่วโมง ซึ่งรวมเวลาพัก 1 ชั่วโมงด้วย เช่น กำหนดเวลาทำงานไว้ที่ 09.00 – 18.00 น. ตามเวลาทำงานปกติของคนทั่วไป หรือเวลา 22.00 – 06.00 น. ซึ่งจัดว่าเป็นการทำงานกะกลางคืน
ก่อนที่จะนำรายได้ต่างๆ มาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก่อนอื่นต้องดูก่อนว่ารายได้เป็นรายได้ประเภทไหน สามารถหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้เท่าไหร่ มีค่าลดหย่อนอะไรบ้าง
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์