• หน้าแรก

  • News

  • HR Articles

  • Human Resource

  • หัวหน้าควรรู้! ไม่ตอบไลน์ นอกเวลางาน หรือในวันหยุด ไม่ใช่ความผิด ไม่มีสิทธิไล่ออก

หัวหน้าควรรู้! ไม่ตอบไลน์ นอกเวลางาน หรือในวันหยุด ไม่ใช่ความผิด ไม่มีสิทธิไล่ออก

  • หน้าแรก

  • News

  • HR Articles

  • Human Resource

  • หัวหน้าควรรู้! ไม่ตอบไลน์ นอกเวลางาน หรือในวันหยุด ไม่ใช่ความผิด ไม่มีสิทธิไล่ออก

หัวหน้าควรรู้! ไม่ตอบไลน์ นอกเวลางาน หรือในวันหยุด ไม่ใช่ความผิด ไม่มีสิทธิไล่ออก


ในวันหยุดพักผ่อนที่คุณวางแผนไว้ว่าจะดูซีรีส์ในคืนวันศุกร์จนดึก แล้วนอนตื่นสาย ๆ แต่เช้าวันเสาร์กลับมีเสียงไลน์เด้งเข้ามาปลุกคุณแต่เช้า แถมพอเปิดดูแล้ว เป็นข้อความจากหัวหน้าของคุณ ที่ไลน์มาสั่งงานทิ้งไว้ก่อน หรือฝากทำงานด่วนงานเร่ง แม้จะเป็นวันหยุดของคุณก็ไม่เว้น กลายเป็นว่า วันหยุดไม่ได้หยุด เวลาพักไม่ได้พัก ไปซะงั้น ! ซึ่งนี่เป็นปัญหาของหลาย ๆ คน ตั้งแต่เรามีไลน์หรือโปรแกรมแชทอื่น ๆ ที่ทำให้หัวหน้าสั่งงานเราได้ทุกที่ทุกเวลา เพียงแค่พิมพ์ และหลายคนเลือกที่จะตอบไลน์นอกเวลางาน เพราะกลัวว่าจะทำให้งานไม่ผ่านการประเมิน และดูเป็นคนไม่รับผิดชอบ ไม่สนใจงาน แล้วจะส่งผลกระทบต้องตำแหน่งหน้าที่การงานของตัวเองได้ ส่วนหัวหน้าบางคนก็มักใช้ข้ออ้างว่า ไลน์ทิ้งไว้ก่อน มาอ่านที่หลังได้นะ เพราะกลัวตัวเองลืม ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว การ ไม่ตอบไลน์ นอกเวลางาน นั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องรู้สึกผิดแต่อย่างใด

ในต่างประเทศกฎหมายให้ “สิทธิที่จะตัดขาดการสื่อสารนอกเวลาทำงาน” หรือ EU ให้สิทธิที่จะ “ปิด” เครื่องมือสื่อสาร ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศฝรั่งเศส มีการกำหนดหลัก “สิทธิที่จะตัดขาดการสื่อสารนอกเวลาทำงาน” หรือที่เรียกว่า “Right to Disconnect” โดยได้บัญญัติกฎหมายออกมาบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2017 หลักการนี้ถูกสร้างมาเพื่อสร้างความเคารพชั่วโมงการทำงานในเวลาทำงานปกติอย่างเคร่งครัด ซึ่งไม่เกิน 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (ในขณะที่ประเทศไทยไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) ดังนั้น ลูกจ้างสามารถที่จะไม่อ่าน ไม่ตอบไลน์ นอกเวลางาน หรือปิดเครื่องมือสื่อสาร นอกเวลาทำงาน สามารถทำได้โดยไม่มีความผิด

ตามหลักข้อกฎหมายของไทยแล้ว การที่ลูกน้องไม่ตอบไลน์นายจ้าง นอกเวลางานหรือในวันหยุด วันลา ไม่ใช่เรื่องผิดเช่นกัน และไม่สามารถนำมาเป็นเหตุผลที่ใช้ประเมินผลงาน หรือนำมาเป็นเหตุผลที่ใช้ไล่พนักงานออกได้ ในเพจกฎหมายแรงงาน โดย รศ.ตรีเนตร สาระพงษ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการสั่งงานผ่านไลน์และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้อความเฟซบุ๊ก Whatsapp หรืออีเมล โดยอ้างอิงจากกฎหมายคุ้มครองแรงงานไว้หลายมาตรา เช่น มาตรา 23 กำหนดว่าให้นายจ้างประกาศเวลาทำงาน โดยวันหนึ่งไม่เกิน 8 ชั่วโมง การทำงานนอกเหนือหรือเกินจากเวลาทำงานปกติ 8 ชั่วโมง จะถือว่าเป็นการทำงาน “ล่วงเวลา” และถ้าเป็นการทำงานล่วงเวลานายจ้างต้องจ่าย “ค่าล่วงเวลา” ถ้าล่วงเวลาวันธรรมดาจ่าย 1.5 เท่า ถ้าล่วงเวลาในวันหยุดจ่าย 3 เท่า และมาตรา 24 ที่กำหนดว่าการทำงานล่วงเวลาจะต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างด้วย จึงทำให้การสั่งงานผ่าน Social Media สามารถแตกออกได้เป็น 3 ประเด็น และจะถูกวิเคราะห์ตามข้อกฎหมายดังนี้

  • การสั่งงานผ่าน Line และ Social media อื่น ๆ ในเวลางาน เป็นสิ่งที่นายจ้างสามารถทำได้ เพราะยังอยู่ในช่วงเวลาทำงานตามที่ได้ตกลงกันไว้
  • การสั่งงานผ่าน Line Facebook message Whatsapp และ Email “นอกเวลางาน” หรือ “ในวันหยุด” ที่ทำให้ลูกน้องหรือลูกจ้าง ต้องทำงานนอกเวลางาน เช่น การทำเอกสาร การวิเคราะห์ข้อมูล หรือค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อใช้ในงาน หรือทำงานอื่น ๆ ลูกน้องมีสิทธิที่จะปฏิเสธได้ ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 24 และหัวหน้าหรือนายจ้างไม่มีสิทธิเอาเหตุผลนี้ไปใช้ประเมินผลงานได้ เพราะถือว่าเป็นการ “สั่งงานนอกเวลางาน” นอกจากนี้ ถ้าต้องทำงานล่วงเวลาจริง ๆ ลูกน้องหรือลูกจ้างก็มีสิทธิได้รับเงิน OT หรือค่าล่วงเวลาด้วย ตามที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานในมาตรา 61,63 และมาตรา 62 กำหนดไว้
  • ถ้าเป็นการสอบถามหรือสื่อสารทั่วไป เช่น ถามที่เก็บกุญแจตู้ หรือขอรหัสผ่านคอมพิวเตอร์ ในเพจสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 7  แสดงความเห็นไว้ว่า ไม่ถือว่าเป็นการทำงานล่วงเวลา หัวหน้าหรือนายจ้างไม่ต้องรับผิดในการจ่ายค่าล่วงเวลาหรือค่าทำงานในวันหยุด

แม้ว่าในทางปฏิบัติจริงในประเทศไทยเรื่องนี้จะยังอยู่ใน “พื้นที่เกรงใจ” และทำให้ลูกน้องจำนวนมากไม่กล้าปฏิเสธงานในวันหยุด แต่เมื่อรู้ข้อกฎหมายนี้แล้ว ก็ขอให้นำไปใช้ทำความเข้าใจกับหัวหน้าหรือนายจ้างให้ดี อาจจะตกลงเวลาในการตอบไลน์ให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ลดปัญหาขัดอกขัดใจซึ่งอาจนำไปสู่อาการ Burnout ของพนักงาน และเพิ่มความเคารพในเวลาของทุกคนในทีม เพื่อนำไปสู่ทีมงานที่แข็งแกร่ง และสามารถสร้างผลงานที่น่าประทับใจได้มากยิ่งขึ้น

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!



ที่มา : Link

 390
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ก่อนที่จะนำรายได้ต่างๆ มาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก่อนอื่นต้องดูก่อนว่ารายได้เป็นรายได้ประเภทไหน สามารถหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้เท่าไหร่ มีค่าลดหย่อนอะไรบ้าง
การอบรมพนักงาน เป็นกิจกรรมที่สำคัญในการพัฒนาและปรับปรุงทักษะและความรู้ของพนักงานในองค์กร ให้มีศักยภาพมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายทรัพยากรบุคคลหรือ HR จึงควรให้ความสำคัญในการวางแผนและดำเนินการอบรมกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับงานของพนักงานอย่างเป็นระบบ โดยการอบรมนี้อาจจะเป็นการฝึกฝนทักษะทั้งในทางเทคนิค การพัฒนาทักษะการสื่อสาร การบริหารเวลา หรือแม้กระทั่งการพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำและการทำงานเป็นทีม เพื่อปรับตัว เรียนรู้ระบบการทำงานขององค์กร และนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาองค์กรให้ประสบความสำเร็จ ให้สำเร็จลุล่วงกับเป้าหมายที่องค์กรตั้งไว้
SMART คือหลักในการตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนและมีแนวทางปฎิบัติที่เป็นรูปธรรม ทำให้เห็นทิศทางในการปฎิบัติที่เข้าใจได้ง่าย และนำไปปฎิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคำว่า SMART นั้นเกิดมาจากแนวคิดดังนี้ ตลอดจนมีวิธีการปฎิบัติเพื่อการตั้งเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพ
ไหน ๆ แล้วได้ยินคำว่า KPI กันอยู่บ่อยครั้ง ในฐานะคนทำงานคงหลีกหนีเรื่องเหล่านี้ไม่พ้นอย่างแน่นอน เราลองมาดูไปพร้อม ๆ กันว่า ดัชนีชี้วัดความสำเร็จหรือ KPI ที่เราคุ้นเคยกันมานานนั้น จริง ๆ แล้วคืออะไรกันแน่ เป็นสิ่งที่น่ากลัวหรือต้องกังวลมากน้อยแค่ไหน ในเมื่อหลบไม่พ้นก็หาทางเผชิญหน้ากันแบบรู้จักฉันรู้จักเธอกันไปเลย
ก่อนที่เราจะลงลึกถึงความแตกต่างของสลิปเงินเดือนระหว่างพนักงานสัญญาจ้าง ฟรีแลนซ์ และพนักงานประจำ มาทำความเข้าใจความหมายของคำศัพท์เหล่านี้ก่อน
Agile - Way of Work เป็นการทำงานในทีมที่ประกอบไปด้วยบุคลากรจากหลายสายงาน โดยเน้นการสื่อสารระหว่างบุคคลเพื่อสร้างความเข้าใจกันให้มากยิ่งขึ้นและเปลี่ยนวิธีการทำงาน จากการกำหนดเป้าหมายระยะยาวแบบมุ่งไปครั้งเดียว เป็นแบบระยะสั้นๆ เพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์