ขึ้นทะเบียนนายจ้างมีกี่ขั้นตอนทำอย่างไรบ้าง

ขึ้นทะเบียนนายจ้างมีกี่ขั้นตอนทำอย่างไรบ้าง


ทำไมต้องยื่นขึ้นทะเบียนนายจ้าง และ ใครที่ต้องยื่นขึ้นทะเบียนนายจ้างบ้าง?

ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 หากคุณเป็นนายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป และต้องการให้สวัสดิการลูกจ้างในสังกัดของคุณเป็นประกันสังคม คุณก็จำเป็นที่จะต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนเป็นนายจ้างกับกองทุนประกันสังคม เพื่อให้ลูกจ้างของคุณเป็นผู้ประกันตนที่ได้รับสิทธิประกันสังคมตามกฎหมาย โดยที่คุณจะต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนนายจ้างภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่คุณมีลูกจ้าง และเมื่อมีการรับลูกจ้างเข้ามาใหม่ ก็จะต้องแจ้งขึ้นทะเบียนลูกจ้างใหม่ ภายใน 30 วันเช่นกัน หรือเมื่อมีลูกจ้างลาออกจากงาน คุณที่เป็นนายจ้างก็จะต้องแจ้งการออกจากงานโดยระบุสาเหตุการออกจากงานด้วย ซึ่งถ้าหากคุณไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับได้ การขอขึ้นทะเบียนนายจ้างไม่จะเป็นต้องเป็นนายจ้างที่จดทะเบียนบริษัทเท่านั้น แต่หากเป็นบุคคลธรรมดาที่เป็นเจ้าของกิจการหรือจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และมีลูกจ้าง 1 คนขึ้นไปก็ต้องขอยื่นเรื่องขึ้นทะเบียนนายจ้างด้วยเช่นกัน

เตรียมเอกสารขอขึ้นทะเบียนนายจ้าง

คุณควรเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนเตรียมตัวไปยื่นขึ้นทะเบียน เอกสารสำคัญที่ขาดไม่ได้เมื่อต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนนายจ้างก็คือ แบบฟอร์ม สปส.1-01 (Click)  ซึ่งเป็นแบบฟอร์มขอขึ้นทะเบียนนายจ้างตามกำหนดของสำนักงานประกันสังคม และนอกจากแบบฟอร์ม สปส.1-01 แล้ว นายจ้างอย่างคุณยังต้องใช้เอกสารอื่น ๆ ประกอบการยื่นด้วย โดยแบบเป็นกรณีต่าง ๆ ดังนี้

         กรณีจดทะเบียนนิติบุคคล (ต้องใช้เอกสารแนบทุกข้อที่กำหนด)

  • แบบขึ้นทะเบียนนายจ้าง (สปส. 1-01)
  • สำเนาหรือภาพถ่ายหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์
  • สำเนาหรือภาพถ่ายใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) หรือสำเนาหรือภาพถ่ายคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.01) หรือสำเนาหรือภาพถ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะ (ภ.ช.20) หรือสำเนาหรือภาพถ่ายใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4)
  • แผนที่ตั้งและรูปถ่ายของสถานประกอบการ โดยต้องมีรูปถ่ายด้านหน้าและด้านข้าง ภายนอกต้องเห็นป้ายบริษัท บ้านเลขที่ของบริษัท  และภายในต้องเห็นสถานที่ทำงาน ซึ่งอาจจะถ่ายให้เห็นพนักงานกำลังทำงานอยู่ด้วยก็ได้
  • หนังสือมอบอำนาจ (เฉพาะกรณีมอบอำนาจให้บุคคลอื่นกระทำการแทน พร้อมติดอากรแสตมป์ 10-30 บาท แล้วแต่จำนวนเรื่องที่มอบอำนาจ ตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนด)

อัพเดต! จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

วันที่ 16 ต.ค. 2019 เป็นต้นไป เจ้าของธุรกิจจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (Department of Business Development) แล้ว จะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นนายจ้างต่อสำนักงานประกันสังคมโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดขั้นการเตรียมเอกสารเพื่อความสะดวกมากขึ้น

กรณีเจ้าของคนเดียว (ต้องใช้เอกสารแนบทุกข้อที่กำหนด)

  •   สำเนาหรือภาพถ่ายบัตรประชาชน (ถ้าเป็นคนต่างชาติใช้สำเนาหนังสือเดินทาง (Passport) หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว)
  •   สำเนาหรือภาพถ่ายทะเบียนบ้าน
  •   สำเนาหรือภาพถ่ายใบทะเบียนพาณิชย์ หรือใบอนุญาตให้ประกอบกิจการที่ออกตามกฎหมายอื่น ซึ่งระบุชื่อที่อยู่ชัดเจน
  •   สำเนาบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากร หรือสำเนาหรือภาพถ่ายใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) หรือสำเนาหรือภาพถ่ายใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) หรือสำเนาภาพถ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะ (ภ.ธ.20)
  •   แผนที่ตั้งและรูปถ่ายของสถานประกอบการ โดยต้องมีรูปถ่ายด้านหน้าและด้านข้าง ภายนอกต้องเห็นป้ายบริษัท บ้านเลขที่ของบริษัท  และภายในต้องเห็นสถานที่ทำงาน ซึ่งอาจจะถ่ายให้เห็นพนักงานกำลังทำงานอยู่ด้วยก็ได้
  •   หนังสือมอบอำนาจ (เฉพาะกรณีมอบอำนาจให้บุคคลอื่นกระทำการแทน พร้อมติดอากรแสตมป์ 10-30 บาท แล้วแต่จำนวนเรื่องที่มอบอำนาจ ตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนด)

กรณีกิจการร่วมค้า (ต้องใช้เอกสารแนบทุกข้อที่กำหนด)

  •   สำเนาหรือภาพถ่ายบัตรประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม หรือ หุ้นส่วนผู้จัดการ (ถ้าเป็นคนต่างชาติใช้สำเนาหนังสือเดินทาง (Passport) หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว)
  •   สำเนาหรือภาพถ่ายทะเบียนบ้าน
  •   สำเนาหรือภาพถ่ายใบทะเบียนพาณิชย์ หรือใบอนุญาตให้ประกอบกิจการที่ออกตามกฎหมายอื่น ซึ่งระบุชื่อที่อยู่ชัดเจน
  •   สำเนาบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากร หรือสำเนาหรือภาพถ่ายใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) หรือสำเนาหรือภาพถ่ายใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) หรือสำเนาภาพถ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะ (ภ.ธ.20)
  •   แผนที่ตั้งและรูปถ่ายของสถานประกอบการ โดยต้องมีรูปถ่ายด้านหน้าและด้านข้าง ภายนอกต้องเห็นป้ายบริษัท บ้านเลขที่ของบริษัท  และภายในต้องเห็นสถานที่ทำงาน ซึ่งอาจจะถ่ายให้เห็นพนักงานกำลังทำงานอยู่ด้วยก็ได้
  •   หนังสือมอบอำนาจ (เฉพาะกรณีมอบอำนาจให้บุคคลอื่นกระทำการแทน พร้อมติดอากรแสตมป์ 10-30 บาท แล้วแต่จำนวนเรื่องที่มอบอำนาจ ตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนด)

กรณีห้างหุ้นส่วนสามัญ/นิติบุคคลอาคารชุด/หมู่บ้าน/มูลนิธิ/สมาคม/สหกรณ์ ต้องใช้เอกสารเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่กล่าวขางต้นมีดังนี้

  •   ข้อบังคับ
  •   รายงานการประชุมแต่งตั้งผู้จัดการ หรือหนังสือจัดตั้งฯ หรือหนังสือรับรองการประชุม

นอกจากเอกสารของนายจ้างแล้ว ให้เตรียมเอกสารขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน ซึ่งเป็นเอกสารฝั่งของลูกจ้างไปด้วย เอกสารที่ว่านี้มีเพียง 2 อย่างเท่านั้น ไม่มากเท่าของฝั่งนายจ้าง ซึ่งเอกสารประกอบไปด้วย

  1.     แบบฟอร์มขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-03) (Click)
  2.     บัตรประจำตัวประชาชนหรือหลักฐานอื่นๆ ที่สามารถแสดงตนได้
  3.     ใบอนุญาตทำงานและสำเนาหนังสือเดินทางหรือใบอนุญาติทำงานและใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ในกรณีผู้ประกันตนเป็นชาวต่างชาติ
  4.     แต่ถ้าเป็นลูกจ้างที่เคยยื่นแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนมาแล้ว ให้แจ้งการขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส. 1-03/1) ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ลูกจ้างเข้าทำงาน

ไปยื่นขอขึ้นทะเบียนนายจ้างได้ที่ไหน?

หลังจากที่กรอกฟอร์มและเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว นายจ้างสามารถไปยื่นแบบได้ที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ที่สถานประกอบการของคุณตั้งอยู่ โดยในครั้งแรกนายจ้างอย่างคุณจำเป็นจะต้องไปยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันคมก่อน ยังไม่สามารถยื่นแบบออนไลน์ได้ และตอนที่ยื่นเรื่องให้คุณขอ Username และ Password เพื่อที่คุณจะได้นำมาใช้สมัคร e-Service ผ่านเว็บไซต์ https://www.sso.go.th/ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของสำนักงานประกันคม และครั้งต่อไปเมื่อคุณต้องแจ้งเข้าแจ้งออกลูกจ้างหรือพนักงานของคุณ คุณก็สามารถทำเรื่องผ่านเว็บไซต์นี้ได้เลย โดยที่ไม่ต้องเข้าไปยื่นเรื่องด้วยตัวเองที่สำนักงานประกันสังคมอีกต่อไป

 

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!

 

ที่มาและข้อมูลอ้างอิง: เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม

 905
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การจัดการพนักงานที่ทำงานแบบกะเป็นงานที่ท้าทายสำหรับฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) เป็นอย่างมาก ด้วยลักษณะงานของพนักงานแบบกะ พนักงานบางราย ทำงานเวลาไม่ตรงกัน เลิกงานไม่ตรงกัน จะเห็นได้ว่า แค่ HR ต้องจัดการกับเงินเดือนพนักงานที่ทำงานกะปกติ ก็แทบปวดหัวกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว ไหนจะต้องอาศัยความแม่นยำและละเอียดอ่อนในการคำนวณเงินเดือน การคิดวันขาด ลา มา สายอีก ยิ่งถ้าเป็นองค์กรใหญ่ๆ นั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกันเลยทีเดียว ดังนั้น การที่มีตัวช่วยอย่างโปรแกรมเงินเดือน HRMI เข้ามาช่วย HR จัดการปัญหาต่างๆ ของพนักงานที่ทำงานแบบกะ จึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการบริหารจัดการเงินเดือนของพนักงาน  เพื่อลดความเสี่ยงคำนวณเงินเดือนผิดพลาด ซึ่งอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัทได้
หลายๆ องค์กรตั้งตัวชี้วัดความสำเร็จในเรื่องของการบริหารทรัพยากรบุคคลไว้ที่อัตราการลาออกของพนักงานในองค์กร โดยมีการกำหนดอัตรามาตรฐานไว้ที่อัตราเดียวกับอุตสาหกรรมบ้าง หรือกำหนดให้ดีกว่าปีที่ผ่านมาบ้าง แต่ผมยังไม่เคยเห็นองค์กรไหนที่กำหนดเป้าหมายอัตราการลาออกของพนักงานเท่า กับ 0 จริงๆ นะครับ
โปรแกรมบริหารงานบุคคล (Human Resource Management Information System หรือ HRMI) ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านเทคโนโลยีและการบริหารงานบุคคล รวมถึงรวบรวมระบบต่างๆ เข้าด้วยกัน ที่สามารถช่วยงาน HR ได้ เช่น ระบบสมัครงานออนไลน์ระบบลาออนไลน์ระบบฝึกอบรมพนักงาน,ระบบสวัสดิการ, ระบบประเมินผล เป็นต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการบุคคลและสร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในโลกของการทำงานที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยแต่ละบบมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกๆ องค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็ก หรือ ขนาดใหญ่ จะสามารถดำเนินกิจการได้อย่างราบรื่น ล้วนต้องต้องทำงานภายใต้ข้อกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายบริษัท กฎหมายแรงงาน กฎหมายประกันสังคม กฎหมายภาษีอากร กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และหนึ่งกฎหมายที่สำคัญที่สุดที่เกี่ยวข้องกับนายจ้าง HR และพนักงานโดยตรง คือ กฎหมายแรงงาน

จากกฎหมายแรงงานในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2562) ในมาตราที่ 23 กำหนดว่า ให้นายจ้างกำหนดเวลาทำงานปกติ (Regular Working Times) ต่อวัน ไม่เกิน 8 ชั่วโมง ไม่รวมเวลาพัก โดยให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างมีเวลาพักระหว่างการทำงานวันหนึ่งไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง หลังทำงานมาไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาไหนก็ได้ตามแต่ที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน หลายบริษัทจะนิยมกำหนดเวลาทำงานไว้ที่ 9 ชั่วโมง ซึ่งรวมเวลาพัก 1 ชั่วโมงด้วย เช่น กำหนดเวลาทำงานไว้ที่ 09.00 – 18.00 น. ตามเวลาทำงานปกติของคนทั่วไป หรือเวลา 22.00 – 06.00 น. ซึ่งจัดว่าเป็นการทำงานกะกลางคืน
ก่อนที่จะนำรายได้ต่างๆ มาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก่อนอื่นต้องดูก่อนว่ารายได้เป็นรายได้ประเภทไหน สามารถหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้เท่าไหร่ มีค่าลดหย่อนอะไรบ้าง
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์