• หน้าแรก

  • News

  • HR Articles

  • Human Resource

  • เช็คสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนปี 2566 ได้สิทธิประโยชน์อะไรเพิ่มเติมบ้าง

เช็คสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนปี 2566 ได้สิทธิประโยชน์อะไรเพิ่มเติมบ้าง

  • หน้าแรก

  • News

  • HR Articles

  • Human Resource

  • เช็คสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนปี 2566 ได้สิทธิประโยชน์อะไรเพิ่มเติมบ้าง

เช็คสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนปี 2566 ได้สิทธิประโยชน์อะไรเพิ่มเติมบ้าง



สำนักงานประกันสังคม (สปส.) จัดสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกันตน ทั้ง ม.33 ม.39 และ ม.40 ครอบคลุมทั้งการดูแลสุขภาพและลดภาระเรื่องบ้าน โดยความร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์

ในฐานะผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33 39 และ 40 ที่ต่างต้องจ่ายเงินสมทบให้แก่สำนักงานประกันสังคม  (สปส.) นอกจากได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น การรักษาพยาบาล บำเหน็จชราภาพ เงินทดแทนในระหว่างการว่างงาน  ฯลฯ แล้ว ล่าสุดทาง สปส. ก็ได้จัดสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้ ทั้งในส่วนการดูแลสุขภาพและการลดภาระเงินกู้ซื้อบ้าน ดังนี้

โครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการ

สำนักงานประกันสังคมได้จัดโครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการ โดยผู้ประกันตนสามารถเข้าตรวจค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจได้ฟรี ในสถานประกอบการนำร่อง 7 จังหวัด ซึ่งประกอบด้วย 1) สมุทรปราการ 2) ชลบุรี 3) นนทบุรี 4) ปทุมธานี 5) ระยอง 6) พระนครศรีอยุธยา 7) สมุทรสาคร

ทั้งนี้ ผู้ประกันตนจะได้รับการตรวจสุขภาพ จัดบริการและป้องกันโรคในสถานประกอบการ เพื่อประเมินสภาวะสุขภาพ โดยเฉพาะโอกาสการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด และนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. เน้นการค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและหัวใจ
2. แบ่งกลุ่มตามความเสี่ยง เสี่งสูง ปานกลาง น้อย​​
​3. โรงพยาบาลนัดหมายประเมินเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรายบุคคล ระยะเวลา 6 เดือน ติดตามระบบผล Telemedicine และดำเนินการปรับพฤติกรรม
​4. ตรวจประเมินคัดกรองความเสี่ยง (หลัง)

เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการเข้าถึงการผ่าตัด

ในส่วนของการเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการเข้าถึงการผ่าตัดนั้น ผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงสิทธิการรักษา 5 โรค ตามโรงพยาบาลที่กำหนด เพื่อลดการรอคอยการผ่าตัดหรือทำหัตถการ ซึ่งทางสำนักงานประกันสังคมจะจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ ให้แก่สถานพยาบาลที่ดำเนินการผ่าตัดโดยตรง ผู้ประกันตนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรับบริการ 

โดยสำนักงานประกันสังคมได้เพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงการรักษาด้วยการผ่าตัด หรือทำหัตถการนำร่องในกลุ่ม 5 โรค ดังนี้

1.โรคมะเร็งเต้านม
​2.ก้อนเนื้อที่มดลูก
​3.โรคนิ่วในไต หรือถุงน้ำดี
​4.โรคหลอดเลือดสมอง
​5.โรคหัวใจและหลอดเลือด

ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษาเพื่อเข้ารับการผ่าตัด 5 โรคดังกล่าว ได้ที่สถานพยาบาลทั้งรัฐบาลและเอกชนทุกแห่งที่ทำบันทึกข้อตกลงกับสำนักงานประกันสังคม​ ​

โครงการส่งเสริมที่อยู่อาศัยให้กับผู้ประกันตน

สำนักงานประกันสังคมจัดโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ม.33 วงเงินโครงการไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมกันระหว่างสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินอื่น และเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่อาศัยในบัญชีเงินกู้ที่กู้อยู่กับธนาคารเดิม

ทั้งนี้ มีวงเงินสินเชื่อไม่เกินรายละ 2 ล้านบาท กล่าวคือต้องมีวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงเหลือไม่เกินวงเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งวงเงินการให้สินเชื่อจะเป็นไปตามการพิจารณาและดุลยพินิจของธนาคาร
โดยคุณสมบัตู้ขอสินเชื้อ จะต้องมีสถานะเป็นผู้ประกันตน ม.33 มาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน และจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายใน 12 เดือน ก่อนเดือนที่เข้าร่วมโครงการ

สามารถยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. ผู้ประกันตนขอหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตน แบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน เว็บไซต์ โดยคลิก ที่เมนู เข้าสู่ระบบผู้ประกันตน/สมัครสมาชิก และเลือก "หนังสือรับรองโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน"

2. ผู้ประกันตนยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารอาคารสงเคราะห์พร้อมเอกสารเบื้องต้น ประกอบด้วย

- หนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตนออกโดยสำนักงานประกันสังคม
- เอกสารขอสินเชื่อตามหลักเกณฑ์และระเบียบธนาคาร

3. การแจ้งผลการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ แจ้งผลการพิจารณากับผู้ประกันตนโดยตรง

อย่างไรก็ตามผู้ประกันตนสามารถยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2566 หรือจนกว่าจะครบวงเงินที่ได้อนุมัติโครงการ

สิทธิคุ้มครองโควิด 19 ณ สถานพยาบาลตามสิทธิ

เนื่องจากตอนนี้โควิด19 เป็นโรคประจำถิ่นแล้ว ทางประกันสังคมจึงยังให้สิทธิคุ้มครองผู้ประกันตน ณ สถานพยาบาลตามสิทธิ โดยมีหลักเกณฑ์การรับสิทธิแยกตามประเภทผู้ประกันตนดังนี้ 

1. ผู้ประกันตน ม.33 และ ม.39 ได้รับสิทธิเมื่อจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนวันรับบริการทางการแพทย์

2. ผู้ประกันตน ม.38 และ ม.41 ได้รับสิทธิคุ้มครองต่ออีก 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่สิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน

ทั้งนี้ ผู้ประกันตนที่เข้าเงื่อนไขตรงกับสิทธิประโยชน์ที่สำนักงานประกันสังคมจัดโครงการขึ้น สามารถเข้ารับบริการได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันสังคมทั้งหมด ได้ที่ หรือโทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง


บทความโดย : https://www.thainewsonline.co/
 527
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การจัดการพนักงานที่ทำงานแบบกะเป็นงานที่ท้าทายสำหรับฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) เป็นอย่างมาก ด้วยลักษณะงานของพนักงานแบบกะ พนักงานบางราย ทำงานเวลาไม่ตรงกัน เลิกงานไม่ตรงกัน จะเห็นได้ว่า แค่ HR ต้องจัดการกับเงินเดือนพนักงานที่ทำงานกะปกติ ก็แทบปวดหัวกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว ไหนจะต้องอาศัยความแม่นยำและละเอียดอ่อนในการคำนวณเงินเดือน การคิดวันขาด ลา มา สายอีก ยิ่งถ้าเป็นองค์กรใหญ่ๆ นั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกันเลยทีเดียว ดังนั้น การที่มีตัวช่วยอย่างโปรแกรมเงินเดือน HRMI เข้ามาช่วย HR จัดการปัญหาต่างๆ ของพนักงานที่ทำงานแบบกะ จึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการบริหารจัดการเงินเดือนของพนักงาน  เพื่อลดความเสี่ยงคำนวณเงินเดือนผิดพลาด ซึ่งอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัทได้
หลายๆ องค์กรตั้งตัวชี้วัดความสำเร็จในเรื่องของการบริหารทรัพยากรบุคคลไว้ที่อัตราการลาออกของพนักงานในองค์กร โดยมีการกำหนดอัตรามาตรฐานไว้ที่อัตราเดียวกับอุตสาหกรรมบ้าง หรือกำหนดให้ดีกว่าปีที่ผ่านมาบ้าง แต่ผมยังไม่เคยเห็นองค์กรไหนที่กำหนดเป้าหมายอัตราการลาออกของพนักงานเท่า กับ 0 จริงๆ นะครับ
โปรแกรมบริหารงานบุคคล (Human Resource Management Information System หรือ HRMI) ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านเทคโนโลยีและการบริหารงานบุคคล รวมถึงรวบรวมระบบต่างๆ เข้าด้วยกัน ที่สามารถช่วยงาน HR ได้ เช่น ระบบสมัครงานออนไลน์ระบบลาออนไลน์ระบบฝึกอบรมพนักงาน,ระบบสวัสดิการ, ระบบประเมินผล เป็นต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการบุคคลและสร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในโลกของการทำงานที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยแต่ละบบมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกๆ องค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็ก หรือ ขนาดใหญ่ จะสามารถดำเนินกิจการได้อย่างราบรื่น ล้วนต้องต้องทำงานภายใต้ข้อกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายบริษัท กฎหมายแรงงาน กฎหมายประกันสังคม กฎหมายภาษีอากร กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และหนึ่งกฎหมายที่สำคัญที่สุดที่เกี่ยวข้องกับนายจ้าง HR และพนักงานโดยตรง คือ กฎหมายแรงงาน

จากกฎหมายแรงงานในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2562) ในมาตราที่ 23 กำหนดว่า ให้นายจ้างกำหนดเวลาทำงานปกติ (Regular Working Times) ต่อวัน ไม่เกิน 8 ชั่วโมง ไม่รวมเวลาพัก โดยให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างมีเวลาพักระหว่างการทำงานวันหนึ่งไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง หลังทำงานมาไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาไหนก็ได้ตามแต่ที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน หลายบริษัทจะนิยมกำหนดเวลาทำงานไว้ที่ 9 ชั่วโมง ซึ่งรวมเวลาพัก 1 ชั่วโมงด้วย เช่น กำหนดเวลาทำงานไว้ที่ 09.00 – 18.00 น. ตามเวลาทำงานปกติของคนทั่วไป หรือเวลา 22.00 – 06.00 น. ซึ่งจัดว่าเป็นการทำงานกะกลางคืน
ก่อนที่จะนำรายได้ต่างๆ มาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก่อนอื่นต้องดูก่อนว่ารายได้เป็นรายได้ประเภทไหน สามารถหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้เท่าไหร่ มีค่าลดหย่อนอะไรบ้าง
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์