แนวคิดการทำงานเป็นทีมเพื่อให้ประสบผลสำเร็จ

แนวคิดการทำงานเป็นทีมเพื่อให้ประสบผลสำเร็จ


แน่นอนว่างานบางอย่างอาจสามารถทำคนเดียวได้ แต่งานนั้นอาจทำได้ดีกว่าหากร่วมกันทำงานเป็นทีม
 การทำงานเป็นทีมนั้นถือเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับหลายคนและหลายองค์กร อาจเป็นเรื่องง่ายที่จะนำคนมาทำงานร่วมกัน แต่การทำให้คนเหล่านั้นกลายเป็นทีมที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอาจต้องใช้เวลาเรียนรู้อีกมากมาย

ปรับ Mindset “การทำงานเป็นกลุ่ม” ต่างกับ “การทำงานเป็นทีม”

Mindset เป็นสิ่งสำคัญในการทำงานและการใช้ชีวิต การที่จะทำงานเป็นทีมให้ประสบความสำเร็จได้ต้องเริ่มต้นที่ความคิดและความเชื่อ การทำงานเป็นกลุ่ม อาจดูเหมือนว่ามีความหมายคล้ายหรือใกล้เคียงกับการ ทำงานเป็นทีม แต่อันที่จริงแล้วการทำงานทั้งสองแบบนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หากเราเปลี่ยนความคิดเรื่องการทำงานได้ก็จะนำไปสู่การทำงานเป็นทีมให้มีประสิทธิภาพ

การทำงานเป็นกลุ่ม (Workgroup) หมายถึง การทำงานที่ประกอบด้วยบุคคลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปมาทำงานร่วมกันโดยต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จและทำตามเป้าหมายของตัวเองให้ลุล่วงเพียงเท่านั้น ไม่มีการกำหนดเป้าหมายหรือแนวทางในการทำงานร่วมกันที่ชัดเจน

การทำงานเป็นทีม (Teamwork) หมายถึง การทำงานที่ประกอบด้วยบุคคลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปมาทำงานร่วมกัน ถึงแม้ว่าแต่ละคนอาจมาจากต่างแผนกหรือแผนกเดียวกันแต่ทุกคนล้วนมีเป้าหมายเดียวกันชัดเจนโดยร่วมกันทำงานเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่วางไว้ ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จพร้อมกับช่วยสนับสนุนให้ทุกคนในทีมทำงานให้เสร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ร่วมกั

1.มีเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นเป้าหมายเดียวกัน

การมีเป้าหมายที่เดียวกันที่ชัดเจนคือหัวใจสำคัญของการทำงานเป็นทีม เป้าหมายนี้นอกจากจะช่วยให้มีทิศทางการทำงานที่ชัดเจนแล้ว ยังช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นอีกด้วย เพราะเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำให้เรารู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร เรากำลังทำอะไร ต้องใช้วิธีไหนหรือปรับอะไรเพื่อให้ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้

หากทุกคนมีเป้าหมายร่วมกันก็จะยิ่งส่งเสริมให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังทำงานเป็นทีมได้ดีขึ้นอีกด้วย เป้าหมายร่วมของทีมจะส่งผลให้คนในทีมมีปฏิสัมพันธ์กัน มีความรู้สึกร่วมกัน ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานและมีแรงผลักดันไปสู่เป้าหมายให้สำเร็จ

2.รู้หน้าที่และมีระบบที่ชัดเจน

อีกสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำงานเป็นทีมให้มีประสิทธิภาพก็คือ การรู้หน้าที่และมีระบบการทำงานที่ชัดเจน ทุกคนในทีมควรรู้หน้าที่ของตัวเองและเพื่อนร่วมทีมว่าแต่ละคนต้องทำงานอะไรส่วนไหนบ้าง ให้ความเคารพและทำความเข้าใจในหน้าที่ทุกภาคส่วน เนื่องจากทุกหน้าที่ก็มีความสำคัญเช่นกัน การรู้หน้าที่และส่วนงานที่รับผิดชอบของแต่ละฝ่ายจะช่วยให้รู้ว่าต้องแก้ไขส่วนไหนหรือยื่นมือเข้าไปช่วยทีมอย่างไรเมื่องานมีปัญหาหรือเกิดความล่าช้า

นอกจากนี้ การมีระบบหรือโครงสร้างการทำงานและระบบตำแหน่งที่วางไว้อย่างชัดเจน สามารถทำได้จริง เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อนจนเกินไป จะทำให้สามารถปฏิบัติงานได้จริงและไม่ทำงานทับซ้อนกันและดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว

3.รู้จักทีม สร้างความสัมพันธ์ เป็นพลังให้กันและกัน

Teamwork ประกอบจากคนจากหลากหลายตำแหน่งมาทำหน้าที่ต่างๆ ร่วมกันเป็นทีม สิ่งที่เราต้องเจอมากที่สุดในการทำงานเป็นทีมก็คือ “เพื่อนร่วมทีม” ดังนั้น เราจึงควรทำความเข้าใจนิสัยของแต่ละคนในทีมว่าเป็นคนประเภทไหน มีนิสัยอย่างไร มีจุดแข็งจุดด้อยอย่างไร เพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดี หาวิธีสื่อสาร และหาวิธีทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น โดยหลักการแบ่งประเภทคนในการทำงานจะมีหลายประเภทด้วยกัน แต่การแบ่งบุคลิกภาพแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุดมักจะเป็นการแบ่งโดยใช้แบบทดสอบหาบุคลิกภาพ “Personality Test” และ “สัตว์ 4 ทิศ” นั่นเอง

เมื่อรู้จักกับคนในทีมและมองหาวิธีการทำงานร่วมกันที่เหมาะสมได้แล้ว ก็จะสามารถสร้างทีมที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยจุดเด่นหรือความสามารถของแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนอาจถนัดหรือมีความสามารถพิเศษที่แตกต่างกันไป ดังนั้น การมอบหมายงานที่ถูกต้องให้ถูกคนก็จะส่งผลให้งานนั้นๆ ออกมาดี

สิ่งสำคัญ อย่าลืมชื่นชมเพื่อนร่วมทีมอย่างจริงใจและให้กำลังใจกันและกัน เพื่อเป็นพลังสนับสนุนตัวเองและคนในทีมให้ทำงานได้อย่างมีความสุข

4.เสริมพลังแห่ง Teamwork ด้วย 3 คำ “สนับสนุน สามัคคี แบ่งปัน”

เราสามารถเปลี่ยน การทำงานเป็นทีม ให้เป็น การทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ ได้ด้วยสามสิ่งต่อไปนี้ คือ

Support each other: การสนับสนุนซึ่งกันและกัน พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือคนอื่นๆ หรือหน้าที่อื่นๆ ในทีมให้ทำงานลุล่วงไปพร้อมกัน ไม่ตัวใครตัวมัน

Find harmony: การค้นหาความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการทำงานร่วมกัน เพราะหากมัวแต่คิดเห็นขัดแย้งและทำงานขัดแย้งกัน ไม่เปิดใจรับฟังความเห็นต่างและทำงานไปคนละทิศละทางก็จะทำให้งานไม่เดินหรือทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพ ดังนั้น ทุกคนในทีมจึงควรสามัคคีกัน

Sharing is having more: การแบ่งเป็นอีกสิ่งที่จะสร้างพลังให้กับทีม โดยเราสามารถแบ่งปันความรู้หรือวิธีการทำงานให้กันระหว่างทีม แบ่งปันคำติชม แบ่งปันความสำเร็จ ฝึกฝนทำงานไปพร้อมกันจะช่วยให้ทีมเติบโตไปด้วยกันในการทำงานและเพิ่มความรู้สึกร่วมในการทำงานได้อีกด้วย ยิ่งให้มากก็ยิ่งได้มากนั่นเอง

5.ล้มไปด้วยกันก็ก้าวไปด้วยกัน ชื่นชมความสำเร็จและร่วมภาคภูมิใจพร้อมกัน

ไม่ว่าผลงานจะออกมาเป็นอย่างไรหรือเจอปัญหาอะไร การร่วมชื่นชมและเรียนรู้จากความผิดพลาดไปด้วยกันจะทำให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แม้จะต่างฐานะหน้าที่ก็ยินดีกับความสำเร็จของเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ลูกน้องไปด้วย เพราะความสำเร็จของทุกคนก็คือหนึ่งในความสำเร็จของทีม

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!


ที่มา : Link

 1037
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

สวัสดิการที่องค์กรมอบให้แก่พนักงาน กับ สวัสดิการที่พนักงานต้องการ นั้น บางเรื่องก็เป็นสิ่งที่ตรงกัน ส่วนบางเรื่องก็เป็นสิ่งที่ต่างความเห็นกัน ในเรื่องนี้จากทาง Jobthai (jobthai.com) เคยทำบทความนำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นจากคนทำงานทั่วประเทศในประเด็นที่ว่า “สวัสดิการที่คนทำงานต้องการจากองค์กร” ซึ่งเป็นการทำผลสำรวจจากคนทำงานที่เป็นพนักงานทั่วไปจำนวน 7,420 คน ทั่วประเทศ โดยมีผลการสำรวจออกมาดังนี้
เคยได้ยินคำว่า Flexible Time กันอยู่บ่อย ๆ ว่าแต่เอ๊ะ มันคืออะไร ??
AQ หรือ Adversity Quotient คือความฉลาดในการรับมือกับปัญหา ทั้งสภาพกาย และจิตใจ ถูกบัญญัติขึ้นโดยพอล สโตลทซ์ (Paul Stoltz) เมื่อปี 1997 ว่า เป็นวิธีการประเมินความสามารถของแต่ละคนในการรับมือ และตอบสนองต่อความทุกข์ยาก โดยสถาบันชั้นนำอย่างฮาร์วาร์ด (Harvard), สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT) และคาร์เนกีเมลลอน (Carnegie Mellon) ต่างก็ใช้ AQ เป็น ‘Golden Standard’ เพื่อประเมินว่า คนนั้นๆ จัดการกับความท้าทายอย่างไรด้วยกันทั้งสิ้น และยังค้นพบอีกด้วยว่า AQ มีความสัมพันธ์โดยตรงกับ ‘การเป็นผู้นำที่ดี’
การวางแผนอัตรากำลังคน (Manpower Planning) หรือ การวางแผนกำลังคน คือ กระบวนการในการคาดการณ์ หรือการวิเคราะห์ จำนวนความต้องการกำลังคนขององค์กร ประเภทพนักงานที่มีความสามารถเหมาะสมที่จะมาปฏิบัติงานให้พอเพียงกับการเปลี่ยนแปลง การขยายตัว หรือลดขนาดองค์กร เพื่อความเหมาะสมของขนาดองค์กร ตามความต้องการของธุรกิจให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่องค์กรได้กำหนดไว้
ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า "Face recognition" หรือ ระบบจดจำใบหน้า อย่างกว้างขวาง รวมไปถึงการนำไปใช้กับซอฟต์แวร์ในระบบ HR ในการสแกนใบหน้าเพื่อลงเวลาเข้า-ออกงานที่ออฟฟิศ เพื่อบันทึกประวัติการทำงานของพนักงาน ตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน คำนวณเงินเดือน รวมไปถึงการประเมินต่างๆ
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามประมวลรัษฎากร เป็นภาษีทางตรงประเภทหนึ่งที่สำคัญมากเพราะเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาล และเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลในการกระจายรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นภาษีที่เรียกเก็บจากบุคคลธรรมดา ที่มีรายได้ประเภทใดประเภทหนึ่งนั่นเองฐานภาษีของภาษีนี้ รียกว่า เงินได้สุทธิ ซึ่งคำนวณได้จากการนำเงินได้พึงประเมินตลอดทั้งปี ภาษี (ปฏิทิน) ไปหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่าง ๆ ที่กฎหมายให้หัก เมื่อได้จำนวนเงินได้สุทธิเท่าใดแล้ว จึงคำนวณภาษีจากเงินได้สุทธิตามอัตราและวิธีการที่กฎหมายกำหนด ถ้ามีเงินได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่มีเงินได้สุทธิเหลือ ก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทั้งนี้ เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายเป็นอย่างอื่นสำหรับวิธีการเสียภาชี โดยทั่วไปกฎหมายให้ผู้มีเงินได้ในปีภา (ปีปฏิทิน) ที่ถ่วงมาแล้ว มีหน้าที่ขึ้นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมประเมินตนเอง ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสถานที่อื่นที่กฎหมายกำหนด ภายในวันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดจากปีที่มีเงินได้(ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสิ้นปี) นอกจากผู้มีเงินได้จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นราชปีแล้ว บางกรณีกฎหมายยังกำหนดให้ผู้มีเงินได้ต้องหักภาษีก่อนถึงกำหนดเวลาด้วยลักษณะของกำไรที่มีคุณภาพกำไรที่มีคุณภาพควรพิจารณาว่ามีลักษณะดังต่อไปนี้
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์