เทคนิคการดูแลพนักงาน ด้วยวิธีการจัดการความต่างทาง Generation

เทคนิคการดูแลพนักงาน ด้วยวิธีการจัดการความต่างทาง Generation


ปัจจุบันหลายองค์กรกำลังเจอกับภาวะพนักงานหลาย Generation ทั้ง Baby Boomer, Gen X, Gen Y, Gen Z ที่ต้องทำงานอยู่ร่วมกัน บ่อยครั้งที่ความแตกต่างของช่วงอายุ สังคม สภาพแวดล้อม รูปแบบการทำงาน ทำให้เราหาคำจำกัดความต่อความแตกต่างไปเองโดยไม่รู้ตัว เช่น Gen Y ชอบเอาความคิดตัวเองเป็นหลัก หรือ Baby Boomer ไม่ชอบเปิดรับอะไรใหม่ ๆ ไหนยังจะมี Gen Z เด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งปัญหาใหญ่ไม่ใช่ความสามารถในการทำงานของพวกเขา แต่เป็นการที่เราจะเอากลุ่มคนต่าง Gen เหล่านี้มาทำงานร่วมกันได้อย่างไร

เข้าใจความต่างของ Gen

คนแต่ละ Gen มีแนวคิด ความชอบ หรือสิ่งที่ต้องการไม่เหมือนกัน เช่น Baby Boomer มีระเบียบวินัยในการทำงาน และให้ความสำคัญกับงานและครอบครัวเป็นอย่างมาก ในขณะที่ Gen X ไม่ชอบความเป็นทางการเท่า Baby Boomer มีแนวคิดสร้างความสมดุลในเรื่องงาน ส่วน Gen Y รักอิสระ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ทะเยอทะยานและกล้าได้กล้าเสีย และ Gen Z มีความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีสูง ต้องการความเป็นอิสระในการทำงาน และสามารถทำงาน Multi-tasking ได้ดี

การเข้าใจความต้องการของคนแต่ละกลุ่ม จะช่วยให้สามารถหาวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลคนในบริษัทได้ ซึ่ง Hr บางบริษัทจะมีการดูแลพนักงาน Gen ต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน โดยจะมีงบประมาณเท่ากัน แล้วให้ HR หาสวัสดิการหรือวิธีดูแลให้เหมาะกับแต่ละ Gen แต่บางองค์กรที่แยกไม่ได้ หรือมองว่าเป็นเรื่องที่เสียทั้งเวลาและพลังงานก็จะต้องพยายามหาจุดตรงกลางที่ทุกฝ่ายพอใจให้เจอแทน

อย่าเอาความต่างมาเป็นปัญหา

ถ้าพูดถึง Baby Boomer เราจะนึกถึงภาพของคนที่เคร่งครัดเรื่องระเบียบ ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบ แต่กลับกันถ้าพูดถึง Gen Z คนก็จะนึกถึงความตรงกันข้ามอย่างสุดขั้ว เพราะดูเป็นคนรักอิสระ และไม่ชอบถูกตีกรอบ แต่ในความเป็นจริง เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าโลกนี้ไม่มีใครมีนิสัยเหมือนกัน 100% แม้แค่คน Gen เดียวกันบางทีก็ยังนิสัยไม่เหมือนกันเลย HR เลยจำเป็นต้องช่วยให้คนในทีมและตัวเองก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่าง Gen ไปให้ได้       

ถ้าเปิดใจ ทุก Gen มีข้อดี

ทุกคนก็มีความคิด ความสามารถ หรือประสบการณ์ที่ต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็มีประโยชน์กับองค์กรทั้งนั้น การที่ HR ทำให้พนักงานทุกคนเข้าใจข้อดีและจุดเด่นต่าง ๆ ของคนแต่ละ Gen และบอกให้พวกเขารู้ว่าความแตกต่างพวกนั้นมีประโยชน์ยังไงต่อการทำงานและบริษัท จะทำให้พวกเขาเห็นข้อดีของการทำงานในที่ที่มีความแตกต่างด้าน Generation มากขึ้น

จับมาทำงานร่วมกัน

ถ้าอยากให้คนแต่ละ Gen เข้าใจและเห็นข้อดีของแต่ละฝ่าย ควรให้พวกเขาได้ทำงานด้วยกัน ช่วยเหลือและให้คำปรึกษากัน เช่น จับคู่พนักงานที่เป็นเด็กจบใหม่กับพนักงานที่มากประสบการณ์หรือเชี่ยวชาญเรื่องอะไรบางอย่างมาทำงานด้วยกัน คนที่เด็กกว่าจะได้แนะนำเรื่องการใช้เทคโนโลยี หรือเสนอไอเดียแปลกใหม่ ในขณะที่คนอายุมากกว่าที่ผ่านประสบการณ์ทำงานมาเยอะ จะได้สอนหรือให้คำแนะนำเรื่องการทำงานที่หาไม่ได้จากในหนังสือ ซึ่งมีการศึกษาออกมาด้วยว่าการที่ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากเพื่อนร่วมงานด้วยกันเอง มีประสิทธิภาพมากกว่าการจัดอบรมให้พนักงานแบบที่เป็นทางการซะอีก

จะเห็นว่าพฤติกรรมของคนในแต่ละยุคนั้นก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันออกไป การที่พนักงานแต่ละ Gen เข้าใจความต่าง ช่วยเหลือ และทำงานด้วยกันได้ถือเป็นเรื่องดี เพราะนอกจากบรรยากาศในการทำงานจะดีแล้ว ยังช่วยให้ประสิทธิภาพในการการทำงานออกมาดีด้วย แล้วสุดท้ายก็จะส่งผลให้องค์กรเติบโตไปอย่างมีคุณภาพ

โปรแกรมเงินเดือน Prosoft HRMI ช่วยคุณจัดการงาน HR ได้อย่างครบครัน

โปรแกรมเงินเดือน Prosoft HRMI มาพร้อมฟีเจอร์ HR ที่ครบครัน ตัวช่วยฝ่ายบุคคล ผู้บริหาร และพนักงานบริหารงานองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยโปรแกรมสามารถคำนวณเงินเดือนและค่าแรงของพนักงาน ได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ ครอบคลุมทุกเรื่องงาน HR รองรับเงื่อนไขการคำนวณต่างๆได้หลากหลาย ครอบคลุมทุกธุรกิจ รวมถึงองค์กรที่มีโครงสร้างแบบ "Multi Company" บริหารจัดการข้อมูลได้หลายบริษัทในระบบเดียว นอกเหนือจากนี้โปรแกรมเงินเดือน HRMI ยังมีระบบ ที่สามารถช่วยงาน HR ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบสมัครงานออนไลน์, ระบบลาออนไลน์, ระบบฝึกอบรมพนักงาน, ระบบสวัสดิการ, ระบบประเมินผล โปรแกรมเงินเดือน Prosoft HRMI จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยบริหารเงินเดือนในองค์กร และช่วยบริหารงาน ขององค์กรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพราะ ‘พนักงาน คือ ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในองค์กร’

ลงทะเบียน Demo โปรแกรมเงินเดือน Prosoft HRMI
 79
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์