ฝึกอบรมแบบไหนดีกว่ากัน

ฝึกอบรมแบบไหนดีกว่ากัน



เรื่องของการฝึกอบรม ก็ยังคงเป็นแนวทางในการพัฒนาพนักงานที่ทุกองค์กรใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นวิธีการพัฒนาพนักงานที่ได้ความนิยมอย่างมาก เพราะเมื่อไหร่ที่คิดถึงเรื่องของการพัฒนาพนักงาน การฝึกอบรมก็จะต้องถูกคิดถึงก่อนเป็นเรื่องแรก และแนวโน้มของวิธีการฝึกอบรมก็เริ่มเปลี่ยนแปลงมากขึ้นในยุคปัจจุบัน เริ่มมีเทคนิคต่างๆ มีลูกเล่น มีกิจกรรมประกอบการฝึกอบรม เพื่อทำให้ผู้เข้าอบรม เกิดความเข้าใจ และไม่เบื่อ

แต่ระยะหลังๆ สิ่งที่ผมในฐานะที่เป็นวิทยากรคนหนึ่ง ที่มักจะได้รับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการฝึกอบรมติดต่อเข้ามาที่บริษัท สิ่งที่ผมได้ยินมาค่อนข้างมาก็คือ

“หลักสูตรที่ต้องการจัดทุกหลักสูตร ของอาจารย์ที่พูดได้ฮาๆ เลย เอาแบบขำกลิ้งได้ยิ่งดี” หรือ

“อาจารย์ที่สอนตลกมั้ย ถ้าไม่ตลกไม่เอานะ” หรือ

“เนื้อหาไม่เน้น เน้นฮา”

ฯลฯ

ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านคิดอย่างไรกับคำพูดเหล่านี้ที่เป็นความต้องการของ คนที่ต้องการจัดฝึกอบรม เพื่อสร้างความรู้และทักษะให้กับพนักงาน

จากประสบการณ์ที่ผมเองก็เคยเป็นผู้ถูกฝึกอบรม และถูกส่งไปเข้าเรียนในหลักสูตรต่างๆ สิ่งที่เคยพบเจอมาก็มีดังนี้

• เข้าเรียนในหลักสูตรการเป็นหัวหน้างานที่ดี วิทยากรพูดได้สนุก ฮามากมาย มีเรื่องตลกมาเล่าให้ฟังอยู่ตลอดเวลา แต่พอเรียนจบ เราก็มานั่งทบทวนดูว่าเราได้อะไรกลับมาบ้าง เมื่อเทียบกับวัตถุประสงค์ที่ไปเข้าเรียน ปรากฏว่า ไม่ได้อะไรกลับมาเลยครับ

• เข้าเรียนในหลักสูตรที่เข้มข้นมาก มีหลักการทางวิชาการมากมาย มีแบบทดสอบ มีแบบฝึกหัด มีกรณีศึกษาให้คิด เวลาเรียนไม่ค่อยสนุกหรอกครับ เพราะมีแต่เรื่องราวทางวิชาการต่างๆ แต่พอกลับมาทำงาน กลับรู้สึกว่า ได้อะไรมามากมายสำหรับการทำงาน และการต่อยอดการทำงานของตนเองให้ดีขึ้นได้อีกเยอะเลย

• เข้าเรียนในหลักสูตรที่มีเนื้อหาที่เข้มข้น และมีกรณีศึกษาที่ชัดเจน และวิทยากรก็สามารถบรรยายได้อย่างสนุกน่าฟัง ไม่ออกนอกเรื่อง ตัวอย่างที่ยก ก็สอดคล้องกับเนื้อหาที่เรียน พอกลับมา ก็ถือว่าได้ทั้งความรู้และความเข้าใจอย่างชัดเจนด้วยกรณีศึกษา และตัวอย่างที่ผู้บรรยายยกมาให้ฟัง

3 ลักษณะนี้ท่านผู้อ่านชอบแบบไหนครับ

ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่จะชอบแบบที่ 3 แต่วิทยากรและหลักสูตรในแบบที่ 3 นี่หายากมากครับ บางครั้งหาได้แต่ราคาที่เสนอมาก็สูงหน่อยซึ่งบริษัทอาจจะไม่มีงบประมาณมากพอ ก็เลยกลายเป็นว่าเลือกแบบที่ 1 ดีกว่า เพราะฮาดี ค่าตัววิทยากรก็ไม่แพงนัก แถมผู้เรียนยังประเมินให้กับฝ่ายฝึกอบรมว่าจัดอบรมหลักสูตรได้ตลกดีอีกด้วย พนักงานส่วนใหญ่ก็ชอบ

แต่ความรู้ล่ะครับ เป้าหมายของการฝึกอบรมก็คือการเพิ่มทักษะและความรู้ให้กับพนักงาน แต่การอบรมแบบที่ 1 นั้น บริษัทเสียเงิน แล้วถามว่าได้อะไรกลับมาบ้าง เรื่องนี้จะต้องพิจารณาให้ดีนะครับ เนื่องจากในระยะนี้ และในอนาคตข้างหน้า เรื่องของการบริหารต้นทุน และการบริหารเงินลงทุนต่างๆ นั้น จะต้องมีผลตอบแทนมากขึ้น จะต้องคุ้มค่ามากขึ้น และตอบวัตถุประสงค์ที่ต้องการได้มากขึ้นด้วย

ผมคิดว่าการที่เราจะเลือกแนวทางในการฝึกอบรมว่า จะเป็นแนวไหนดี วิชาการ ตลกไปเลย หรืออย่างไรดีนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับตัวหลักสูตรที่เราต้องการจะจัดด้วย บางหลักสูตรมันตลกไม่ได้จริงๆ แต่สามารถที่จะหากรณีศึกษามาเล่าให้เข้าใจและเห็นภาพได้ชัดเจน บางหลักสูตรอาจจะตลกได้

สิ่งที่ต้องกำหนดให้ชัดเจนก็คือ หลักสูตรที่จะอบรมนั้น อบรมไปแล้วจะได้อะไร แล้วก็คงต้องวัดผลกันจริงๆ จังๆ ว่าได้ตามที่วัตถุประสงค์กำหนดไว้หรือเปล่า

หากคุณกำลังมองหาระบบที่ช่วยจัดการการฝึกอบรมของพนักงาน เราขอแนะนำระบบฝึกอบรม Training ที่จะเพิ่มศักยภาพและระดับความสามารถในการทำงานของพนักงาน เป็นระบบการฝึกอบรมทั้งภายใน และภายนอก สามารถสร้างหลักสูตรการอบรมได้หลากหลายรูปแบบตามแต่ละองค์กร หลักสูตรทุกหลักสูตรสามารถดูค่าใช้จ่ายในการอบรม ผู้อบรม และผู้ผ่านการอบรม รวมถึงการดูประวัติการอบรมพนักงานแต่ละคนได้ว่าผ่านการอบรมหลักสูตรใดมาแล้ว รวมถึงมีรายงานต่างๆ ทั้งภายใน และทางราชการ ระบบ Training จึงเป็นระบบที่ช่วยให้ฝ่ายอบรม สามารถทำงานได้ง่าย เป็นขั้นตอนตั้งแต่เริ่มหลักสูตร จนปิดหลักสูตร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สามารถดูรายละเอียดแอพพลิเคชั่นสำหรับระบบฝึกอบรมของโปรแกรมบริหารงานบุคคล HRMI ได้ที่ ระบบฝึกอบรม Training


บทความโดย : คุณประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร
ประกาศบทความโดย : www.prosofthrmi.com
 3618
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ก่อนที่จะนำรายได้ต่างๆ มาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก่อนอื่นต้องดูก่อนว่ารายได้เป็นรายได้ประเภทไหน สามารถหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้เท่าไหร่ มีค่าลดหย่อนอะไรบ้าง
การอบรมพนักงาน เป็นกิจกรรมที่สำคัญในการพัฒนาและปรับปรุงทักษะและความรู้ของพนักงานในองค์กร ให้มีศักยภาพมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายทรัพยากรบุคคลหรือ HR จึงควรให้ความสำคัญในการวางแผนและดำเนินการอบรมกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับงานของพนักงานอย่างเป็นระบบ โดยการอบรมนี้อาจจะเป็นการฝึกฝนทักษะทั้งในทางเทคนิค การพัฒนาทักษะการสื่อสาร การบริหารเวลา หรือแม้กระทั่งการพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำและการทำงานเป็นทีม เพื่อปรับตัว เรียนรู้ระบบการทำงานขององค์กร และนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาองค์กรให้ประสบความสำเร็จ ให้สำเร็จลุล่วงกับเป้าหมายที่องค์กรตั้งไว้
SMART คือหลักในการตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนและมีแนวทางปฎิบัติที่เป็นรูปธรรม ทำให้เห็นทิศทางในการปฎิบัติที่เข้าใจได้ง่าย และนำไปปฎิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคำว่า SMART นั้นเกิดมาจากแนวคิดดังนี้ ตลอดจนมีวิธีการปฎิบัติเพื่อการตั้งเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพ
ไหน ๆ แล้วได้ยินคำว่า KPI กันอยู่บ่อยครั้ง ในฐานะคนทำงานคงหลีกหนีเรื่องเหล่านี้ไม่พ้นอย่างแน่นอน เราลองมาดูไปพร้อม ๆ กันว่า ดัชนีชี้วัดความสำเร็จหรือ KPI ที่เราคุ้นเคยกันมานานนั้น จริง ๆ แล้วคืออะไรกันแน่ เป็นสิ่งที่น่ากลัวหรือต้องกังวลมากน้อยแค่ไหน ในเมื่อหลบไม่พ้นก็หาทางเผชิญหน้ากันแบบรู้จักฉันรู้จักเธอกันไปเลย
ก่อนที่เราจะลงลึกถึงความแตกต่างของสลิปเงินเดือนระหว่างพนักงานสัญญาจ้าง ฟรีแลนซ์ และพนักงานประจำ มาทำความเข้าใจความหมายของคำศัพท์เหล่านี้ก่อน
Agile - Way of Work เป็นการทำงานในทีมที่ประกอบไปด้วยบุคลากรจากหลายสายงาน โดยเน้นการสื่อสารระหว่างบุคคลเพื่อสร้างความเข้าใจกันให้มากยิ่งขึ้นและเปลี่ยนวิธีการทำงาน จากการกำหนดเป้าหมายระยะยาวแบบมุ่งไปครั้งเดียว เป็นแบบระยะสั้นๆ เพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์